Freelancing 101 คู่มืองานเสริมฉบับรวบรัด

แชร์ประสบการณ์หารายได้เสริมหนึ่งแสนบาทต่อเดือนด้วยงาน Freelance

Freelancing 101 คู่มืองานเสริมฉบับรวบรัด
Freelancing 101 ฉบับรวบรัด

Freelance คือ solopreneur ยุคเริ่มต้นที่ใช้ทักษะส่วนตัวทำงานและหารายได้ มีอิสระที่จะเลือกรับงาน เลือกลูกค้า เวลา และสถานที่ทำงานได้ด้วยตัวเอง ขอบคุณ internet มา ณ ที่นี้ 555+

Freelance = Freedom + Control

รายได้ของ freelance เป็นแบบ active income ยิ่งทำมาก ยิ่งได้มาก เราขายเวลาให้กับคนที่มาจ้างเราทำงาน งานไหนใช้เวลาเราเยอะ เราก็ชาร์จเงินได้เยอะ income = f(time)

💡
Freelance (n.) ทำงานให้บริษัทหรือลูกค้าหลายๆเจ้าในเวลาเดียวกัน แบบไม่ใช่พนักงานประจำ รับเงินค่าจ้างเป็นงานๆ per-job basis

แล้วตลาด freelance ใหญ่แค่ไหน? มีคนประเมินว่าในประเทศอเมริกามี freelancers ประมาณ 70 ล้านคน เว็บไซต์หางาน freelance อย่าง Fiverr สร้างรายได้เติบโต +14% ในปี 2022

นอกจาก Fiverr ยังมี Upwork ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยมี Fastwork เป็น marketplace platform ไว้ใช้หางาน freelance ได้ รายได้หลักของ Fastwork ปี 2021 อยู่ที่ 50.8 ล้านบาท

ถามว่า Freelance หรือ Gig economy น่าทำไหม? แอดคิดว่าโอกาสมีเยอะมากในตลาดนี้ ถ้ามี business model ที่ทำแบบ sustainable ได้ ก็สามารถทำแทนงานประจำได้สบายๆ

My Freelancer Career

ตอนเริ่มทำ DataRockie v.1 ในยุคเริ่มแรกก่อนจะ Pivot มาเป็นเวอร์ชันทุกวันนี้คือแอดรับงาน freelance วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม Excel + SPSS สรุปผลสถิติงานวิจัยทั่วไป

Internet is the hunting ground. - Dan Koe

ช่วงนั้นเราเห็นเพื่อนหลายคนไปจ้างคนรันผลสถิติให้ มี market demand คิดในใจว่าเราก็น่าจะทำได้เหมือนกันนะ ร้อนเงิน ยั๊งงง 555+

Freelance ทำงานที่ไหน ตอนไหนก็ได้
Freelance ทำงานที่ไหน ตอนไหนก็ได้

Target เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยและบริษัทที่หาคนช่วยทำ market research หรือสรุปผล survey ยุคนั้นส่วนใหญ่ยังเก็บข้อมูลแบบกระดาษ และวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Field and Tab

แอดรู้แล้วว่ามีตลาดที่ต้องการสินค้าและบริการของเรา คำถามคือเราจะเริ่มต้นทำ freelance business ยังไงดี?

Sidenote - Fastwork เพิ่งเปิดตอนเดือน ธ.ค. 2015 ตอนนั้นยังไม่มี marketplace งาน freelance ในไทยแบบจริงจังเลย

ตอนนั้นแอดคิดว่าต้องเริ่มจากสร้าง website ของตัวเองก่อน เป้าหมายแรกคือให้ลูกค้าหาเว็บเราเจอง่ายๆใน Google Search ติดหน้าแรกของ Search Engine Results Pages (SERPs) ได้ยิ่งดี

Set Up a Website

แล้วทำเว็บไซต์ มันต้องเริ่มยังไง? บ้าเอ้ย ทำไม่เป็น 555+

แอดเลยแวะไป B2S หาหนังสือสอนทำเว็บง่ายๆแบบ no-code จริงๆพวก no-code tools มีมาหลายปีแล้ว เพิ่งจะมาบูมกันช่วงนี้ เครื่องมือที่แอดใช้สร้าง freelance business มี 4 ตัวคือ

  • Google Sites
  • Google Suite (ปัจจุบันคือ Google Workspace)
  • Google AdWords (เปลี่ยนชื่อเป็น Google Ads)
  • LINE ไว้รับ requirements คุย scope งานกับลูกค้า

สรุปคือไม่ได้ซื้อหนังสือที่ B2S เพราะยืนอ่านจบแล้ว ผ่าม! no-code, no-money 555+ กลับบ้านมาเปิดคอม แล้วก็ทำเว็บเสร็จเลยภายใน 2 วันด้วย Google Sites ไม่ต้องใช้เงินสักบาท

ส่วน domain name DataRockie.com ก็ซื้อพร้อมกับ G Suite ต่ออายุแบบรายปี

💡
No-Code Tools อย่าง Google Drives, Google Sites, Notion, Zapier, WordPress, Ghost คือหัวใจสำคัญของ One-Person Business Model

ทำไมถึงใช้เครื่องมือของ Google? ตอนนั้นแอดไม่รู้เรื่อง SEO ใดๆเลย แต่คิดเองว่าถ้าใช้ Google Sites ทำเว็บ เว็บเราน่าจะติด Google Search ได้ง่ายขึ้น

ไม่รู้ว่าทฤษฎีนี้จริงไหม? แต่ผ่านไปประมาณ 3 เดือนเว็บมันขึ้นมาติดหน้าแรกจริงๆ แค่ค้นหาคำว่า "รับทำ SPSS" จะเจอ DataRockie ใน search results หน้าแรกตอนกลางๆปี 2015

การติดหน้าแรกของ SERPs ทำให้มี organic traffic วิ่งมาที่เว็บเราเยอะขึ้น และลูกค้าก็ติดต่อมาเรื่อยๆไม่ขาด แอดมีซื้อ Adwords ยิงโฆษณาเพิ่มนิดหน่อย ตลาด SPSS แข่งกันแรง 555+

สรุปคือการทำเว็บไซต์ของตัวเองครั้งแรก แอดได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆเยอะมาก ตั้งแต่การคิดชื่อแบรนด์ การคิด value proposition การจด domain name และวิธีการเขียน copy ที่ได้ conversion

ส่วน Facebook Page เพิ่งมาเปิดตอนปี 2015 ตอนนั้นแอดหาช่องทางการยิงโฆษณาเพิ่มนอกจาก Adwords โดย ad objectives ที่แอดใช้เน้นที่ awareness + page like แค่สองแบบ

  • Awareness ทำให้คนรู้จักแบรนด์เรา
  • Page Likes สร้างความน่าเชื่อถือ (ยิ่ง likes เยอะ ยิ่งดี)
💡
Traffic ในโลกออนไลน์แบ่งเป็น 3 แบบคือ organic, earned, paid ถ้าเว็บเราทำ SEO ดีๆจะได้ organic traffic เยอะมาก ไม่ต้องยิง paid ad ให้เปลืองเงิน

ตอนนั้นการซื้อ ads ทำได้ง่าย ต้นทุนไม่บานปลาย และไม่ซับซ้อนเท่าปัจจุบัน digital marketing มันวิวัฒนาการขึ้นตามความสามารถของ marketers + consumers ที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ

Why Should They Care?

แล้วทำไมลูกค้าต้องซื้อของจากเราด้วย? เป็นคำถามสำคัญที่ freelancers ทุกคนต้องตอบให้ได้

Unique Selling Proposition (USP) ของ DataRockie v.1 คือ ถูก เร็ว ดี 555+ คนอื่นคิด 5,000 บาท เราคิดแค่ 2,500 - 3,000 บาท ราคาเหมา รันได้ทุก analysis ถูกกว่าตลาด 40-50%

โปรแกรม SPSS ที่ลูกค้ามาจ้างแอดรัน จริงๆมันใช้งานง่ายมาก กดคลิกแป๊ปเดียวเสร็จ แล้วงานที่ลูกค้าส่งมาก็ซ้ำๆ รันแต่สถิติเดิมๆอย่าง Linear Regression มาเกือบทุกวัน 555+

ถ้าลูกค้ามีข้อมูลพร้อมแล้ว เราสามารถรันผลส่งลูกค้าได้ใน 1-2 วัน ถูก เร็ว ดี!

โดยเฉลี่ยแอดรับได้ 3 งาน x 3,000 บาท = 9,000 บาทต่อวัน ทำแค่ 12 วันต่อเดือนก็มีรายได้หลักแสนแล้ว จำได้ว่าครั้งแรกที่เงินในบัญชีทะลุแสนบาท หยิบโทรศัพท์โทรไปโม้กับแม่เลย ยั๊งงง 🤣

ใน newsletter ตอนที่แล้ว Dan Koe เรียกธุรกิจนี้ว่า skill-based business ที่ขายทักษะ + เวลา เพื่อสร้างรายได้ freelancers ส่วนใหญ่ก็ตกอยู่ใน category นี้

💡
USP คือจุดขายของแบรนด์เราที่ต่างจากคนอื่นและตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าเราต้องการ จะดีมากถ้าคู่แข่ง copy USP ของเราไม่ได้ หรือทำตามได้ยาก

Sidenote - ปี 2012-2015 แอดทำงานประจำเป็น market research อยู่ที่บริษัทหนึ่ง เงินเดือนประมาณ 40,000 บาท คือทำ freelance ได้เงินมากกว่างานประจำ 2.5x เท่า

และนี่คือวิธีการหารายได้แสนบาทในหนึ่งเดือน Freelancing 101 ที่แอดเชื่อว่าใครๆก็ทำได้ แต่เรื่องราวนี้เพิ่งเริ่มเท่านั้น Read on!

แอดทำ freelance คู่กับงานประจำได้เกือบปี มีรายได้เข้ามาโอเค แต่ตัดสินใจหยุดทำเพราะเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ของ freelance business ซึ่งปัญหานั้นคือ ...

The Problem of Freelance

มนุษย์ทุกคนมีข้อจำกัดด้านเวลา i.e. time constraint

เรามีเวลาจำกัดแค่ 24 ชั่วโมงต่อวัน นอนไปแล้ว 8 ชม. ทำงานได้อีกแค่ 16 ชั่วโมง สมมติงานหนึ่งเราต้องใช้เวลา 5 ชั่วโมง วันหนึ่งเราก็จะรับงาน freelance ได้ประมาณ 2-3 งานโดยเฉลี่ย

พอรายได้เราขึ้นอยู่กับเวลา income = f(time) เราก็หยุดทำงานไม่ได้ ถ้าวันไหนป่วยหรือลาพักร้อนก็คือไม่มีรายได้เลย เพราะรายได้ของงาน freelance เป็นแบบ active ไม่ใช่ passive

ช่วงที่หาเงินได้เดือนละแสน แอดไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากนั่งกรอกข้อมูล survey เอาข้อมูลในกระดาษลง Excel แล้ว code ให้กลายเป็น SPSS file รันผลสถิติ เขียนสรุป วนไปๆ

Freelance trap when income depends on how much time you're willing to spend
Solopreneur ต้องหา business model ที่ตอนเรานอน ก็มีเงินเข้ากระเป๋าเราได้

ส่วนตัวแอดคิดว่าถ้าจะทำ freelance ให้รอดแบบมีเงินเก็บใช้ตอนเกษียณได้ ต้องเป็นพวก high value services เช่น website & product design ที่เรทเริ่มต้นเมืองนอกไม่ต่ำกว่า 1,500-2,000 USD มาไทยเหลือ 5,000 บาท จะร้องแล้ว 😭 (แถมต่อราคาอีก ยั๊งงง 555+)

แต่ถึงเราจะขยับไปเป็น high value freelancers เราก็หนีจากกับดัก income = f(time) ไม่พ้นอยู่ดี Dave Trott เขียนในหนังสือ One Plus One Equals Three พาร์ทที่ 9 หน้า 216 ไว้ว่า

Get something going for you that works while you're asleep.

คนที่เค้ารวยจริงๆ ตอนนอนก็ต้องหาเงินได้ รายได้ของพวกเค้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา income !=  f(time) เป็นสมการที่ติดในหัวแอดมาตลอด และเป็นสิ่งที่ Duck Philosophy พยายามหาคำตอบ

Freelancing 101

สรุปถ้าอยากจะเริ่มทำ freelance business ของตัวเอง ให้ทำตาม steps นี้

  1. ค้นหา burning & profitable problems ในตลาด
  2. เรียนวิธีการแก้ปัญหานั้น ลองทำให้เห็นผลลัพธ์ด้วยตัวเอง
  3. สร้างสินค้าหรือบริการ และตั้งราคาให้เหมาะสม
  4. เสนอสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าที่ต้องการ solutions
  5. ขยายธุรกิจ ด้วยการมองหาปัญหาใหม่ๆ แล้วก็ loop steps 1-4 ไปเรื่อยๆ

กำหนดเป้าหมายว่าอยากจะมีรายได้เดือนละกี่บาท? ถ้าอยากได้เดือนละ 50,000 บาท ราคาสินค้าตั้งไว้ 5,000 บาท ก็ต้องหาลูกค้าให้ได้อย่างน้อย 10 คนต่อเดือน

แต่อย่าลืมว่ารายได้ของเรายังขึ้นอยู่กับเวลาอยู่ดี กับดักของ freelance คือ income = f(time)

เอาจริง แอดคิดว่าเจอคำตอบแล้วด้วยว่าเราจะหลุดจากกับดักนี้ได้ยังไง Work In Progress ไว้แอดมาเล่าให้ฟังต่อใน newsletter ตอนหน้า

ถ้าใครอยากติดตามเรื่องราวดีๆแบบนี้ subscribe ฟรีบนเว็บของเราได้เลยนะครับ ใครเบื่องานประจำ อยากเริ่ม One-Person Business ของตัวเอง ยิ่งต้อง subscribe เลย แล้วพบกันครับ😊